ตื่นเช้าดื่มน้ำ 1–2 แก้ว ชดเชยน้ำที่ขาดระหว่างนอนหลับ ช่วยให้สดชื่นและขับถ่ายสะดวก

     น้ำเป็นองค์ประกอบหลักของร่างกายถึงร้อยละ 60-70 มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของร่างกายหลายอย่างได้แก่ เป็นองค์ประกอบโดยส่วนใหญ่ของเซลล์ทั่วร่างกาย เป็นส่วนประกอบของระบบเลือด น้ำเหลือง น้ำดี รวมถึงน้ำทั่วร่างกาย เป็นตัวกลางนำอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ นำของเสียออกจากร่างกายผ่านทางอวัยวะ ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ เป็นต้น ดังนั้นการดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม จึงมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ เช่น ช่วยลดความเครียด กระตุ้นการทำงานของสมอง ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ปรับสมดุลระบบเผาผลาญและเมตาบอลิซึม เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง

     ในช่วงเวลาที่เรานอนหลับ 6-8 ชั่วโมง ร่างกายยังคงสูญเสียน้ำผ่านการหายใจและการทำงานของระบบต่าง ๆ ทำให้เมื่อตื่นนอนร่างกายจะอยู่ในภาวะขาดน้ำเล็กน้อย การดื่มน้ำ 1-2 แก้ว (ประมาณ 250-500 มิลลิลิตร) ทันทีหลังจากตื่นนอนอาจมีประโยชน์ช่วยลดภาวะขาดน้ำที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงนอนหลับ กระตุ้นการขับถ่ายและกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตให้สดชื่นขึ้น

     สำหรับคนทั่วไปที่มีสุขภาพดี ควรดื่มน้ำเปล่าสะอาดวันละประมาณ 8-10 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตร เพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปจากกิจกรรมต่าง ๆ ของร่างกาย ทั้งนี้ระยะเวลาที่ควรดื่มน้ำในหนึ่งวัน อาจเปลี่ยนแปลงได้บ้างเล็กน้อยตามความสะดวก ตัวอย่างเช่น ดื่มน้ำ 1-2 แก้วหลังตื่นนอนตอนเช้า ดื่มน้ำครั้งละ 1- 2 แก้ว ในช่วงสาย ตอนบ่าย และตอนค่ำ และก่อนเข้านอนดื่มน้ำอีก 1 แก้ว เป็นต้น และสามารถดื่มเพิ่มตามน้ำหนักตัว หรือในช่วงหน้าร้อน โดยไม่ควรดื่มน้ำคราวเดียวทีละมาก ๆ แต่ควรจิบบ่อย ๆ ตลอดวัน

     อย่างไรก็ตาม การดื่มน้ำต่อวันที่ "มากเกินไป" และ "เร็วเกินไป" อาจก่อให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน ซึ่งเรียกภาวะนี้ว่า ภาวะน้ำเป็นพิษ (Water Intoxication) หรือภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ ส่งผลให้ปวดศีรษะ เป็นตะคริว ชัก กล้ามเนื้ออ่อนแรง คลื่นไส้ อาเจียน บวม ส่งผลกระทบต่อเซลล์สมอง และอาจอันตายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

     และการดื่มน้ำในปริมาณดังกล่าว อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางโรคที่จำเป็นต้องจำกัดปริมาณการดื่มน้ำ เช่น ผู้ที่โรคไต ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมได้ไม่ดี ฯลฯ ดังนั้น ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ต้องจำกัดการดื่มน้ำจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณน้ำที่เหมาะสมกับสภาวะของตนเอง

บทความโดย ภก.วชิร มาลีวัตร์

อ้างอิง

1. คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล. วิธีการดื่มน้ำ ดีต่อร่างกาย ควรดื่มเวลาไหน? [อินเทอร์เน็ต]. 2567. เข้าถึงได้จาก: https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3-%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2/
2. โรงพยาบาลวังสมบูรณ์. 10 คุณประโยชน์ของน้ำเปล่า [อินเทอร์เน็ต]. เข้าถึงได้จาก: http://www.wangsammohospital.go.th/article_detail.php?id=20
3. กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. กรมอนามัย ย้ำ! ดื่มน้ำเปล่าดีที่สุด 8-10 แก้วต่อวัน [อินเทอร์เน็ต]. 2565. เข้าถึงได้จาก: https://multimedia.anamai.moph.go.th/news/190765/
4. เกรียงไกร เฮงรัศมี. น้ำดื่ม กับ โรคหัวใจ & ผู้ป่วยโรคหัวใจ กับ น้ำดื่ม [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพฯ: มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์; เข้าถึงได้จาก: https://www.thaiheartfound.org/Article/Detail/140183
5. โรงพยาบาลบางปะกอกสมุทรปราการ. 7 ช่วงเวลาดื่มน้ำ ที่ร่างกายต้องการ [อินเทอร์เน็ต]. เข้าถึงได้จาก: https://www.bpksamutprakan.com/care_blog/view/420
6. กรมประชาสัมพันธ์. ลดน้ำหนักง่าย ๆ ด้วยการดื่มน้ำตามช่วงเวลา [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพฯ: กรมประชาสัมพันธ์; 2023 ต.ค. 20. เข้าถึงได้จาก: https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/9/iid/225517
7. สำนักโภชนาการ กรมอนามัย. ดื่มน้ำมากเกินไป อาจเกิดภาวะน้ำเป็นพิษ ถึงตายจริงหรือ [อินเทอร์เน็ต]. เข้าถึงได้จาก: https://nutrition2.anamai.moph.go.th/th/rrhlnews/209505