Call Center: (02)538-2229
สำนักงาน: (02)538-7900
Fax: (02)538-5508
E-mail: bangkokdrugstore@yahoo.com facebook
ปลายฝนต้นหนาว เป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้มาก เนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรค และยังลดประสิทธิภาพของร่างกายในการจัดการกับเชื้อ สำหรับโรคที่พบในช่วงนี้ คงไม่พ้นโรคติดเชื้อในทางเดินหายใจ โดยมากกว่า 90% ของการติดเชื้อเกิดจากไวรัส เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ อาร์เอสวี อะดีโนไวรัส และโควิด-19 นอกจากนี้ ยังมีเชื้อที่อาจพบได้ เช่น ฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส กลุ่มเชื้อดังกล่าวมักติดต่อผ่านละอองฝอย น้ำมูก น้ำลาย และการสัมผัสพื้นผิวที่มีการปนเปื้อนของเชื้อแล้วรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย พบการแพร่กระจายมากและรวดเร็วในโรงเรียนและเด็กเล็ก การทราบเชื้อสาเหตุจะทำให้การรักษาทำได้อย่างรวดเร็ว ป้องกันอาการแทรกซ้อน และลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรง โรคที่มักพบการระบาดในช่วงนี้ ได้แก่
ไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ Influenza Virus ซึ่งสายพันธุ์ที่มีการแพร่กระจายและทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย ได้แก่ สายพันธุ์ A และ B
อาการ อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ จะคล้ายไข้หวัดธรรมดา แต่อาการมักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและรุนแรงกว่า อาการเด่นคือไข้สูง หนาวสั่น ปวดเมื่อย เจ็บคอ ไอแห้ง อ่อนเพลียมาก เบื่ออาหาร และคลื่นไส้อาเจียน
การรักษา ทำได้โดยการใช้ยาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวดลดไข้ เน้นการพักผ่อน ดื่มน้ำ ส่วนยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) จะมีข้อบ่งใช้เมื่ออาการรุนแรง โดยควรเริ่มรับประทานยาต้านไวรัสภายใน 48 ชม.แรก หลังมีไข้
อาการไข้หวัดใหญ่ที่ควรรีบพบแพทย์ ได้แก่ หอบเหนื่อย หายใจลําบาก มีภาวะขาดน้ำ ปากแห้ง
โควิด-19
โควิด-19 เกิดจากเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ติดต่อผ่านละอองฝอย น้ำมูก น้ำลาย และการสัมผัสพื้นผิวที่มีการปนเปื้อนของเชื้อแล้วรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
อาการ มักมีไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ บางรายอาจมีอาเจียนหรือท้องเสีย หายใจลำบาก ปวดเมื่อย สูญเสียการได้กลิ่นหรือรับรส
การรักษา เน้นการรักษาตามอาการ เช่น การรับประทานยาลดไข้ พักผ่อนมาก ๆ อาจพิจารณารับยาต้านไวรัสโควิด-19 เช่น Molnupiravir Nirmatrelvir/Ritonavir ควรเริ่มยาโดยเร็ว โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอาการ หรือผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรงหรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคปอดอักเสบ
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 หากมีไข้สูงนานเกิน 48–72 ชม. หายใจลำบาก หอบเหนื่อย หรือพบอาการในเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรพบแพทย์
RSV
RSV เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในปอดและระบบทางเดินหายใจ อาการสำคัญจะคล้ายอาการของโรคหวัดหรือหวัดใหญ่ แต่จะมีอาการเด่น คือ มีน้ำมูก ไอ มีเสมหะมาก และหายใจลำบาก หรือหายใจมีเสียงหวีด โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคหลอดลมอักเสบหรือปอดอักเสบได้
การรักษา เน้นการรักษาตามอาการ เนื่องจากยังไม่มียาต้านไวรัส RSV โดยตรง
ควรพบแพทย์ทันทีหากมีไข้สูง มีอาการหายใจลำบาก หายใจเร็ว หรือหายใจมีเสียงหวีด หรือเด็กที่มีอาการซึม ไม่ยอมกินอาหารหรือนม ผิวหนังมีสีคล้ำ โดยเฉพาะบริเวณริมฝีปากและเล็บ
เชื้อฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส (Human metapneumovirus: hMPV)
ไวรัสชนิดนี้ทำให้เกิดอาการติดเชื้อในทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับ RSV โดยเชื้อ hMPV สามารถติดต่อกันผ่านทางน้ำมูก น้ำลาย จากการไอหรือจาม มักพบการระบาดในช่วงปลายฤดูฝนถึงฤดูหนาว ในผู้ใหญ่และเด็กโตที่มีภูมิต้านทานดีหากติดเชื้อนี้อาจจะมีอาการเหมือนแค่เป็นหวัดธรรมดาหรือไม่มีอาการ
อาการของโรคติดเชื้อ hMPV จะคล้ายกับการติดเชื้อ RSV โดยจะมีอาการคล้ายไข้หวัด คือ มีไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก และหากรุนแรงขึ้นจะมีอาการอื่นเพิ่มเข้ามา ได้แก่ หอบเหนื่อย หายใจเร็ว มีเสียงหวีดเมื่อหายใจ หงุดหงิด ซึม ร้องกวน และปอดอักเสบ ซึ่งมักเกิดในเด็กทารกอายุต่ำกว่า 2 ปีได้
การรักษาการติดเชื้อไวรัส hMPV ยังไม่มียารักษาที่จำเพาะ ส่วนใหญ่จะรักษาแบบประคับประคองตามอาการของผู้ป่วยเป็นหลัก เช่น ยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก หรือเสมหะแต่ในรายที่มีความเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการรุนแรง เช่น ปอดอักเสบหรือเกิดอาการหอบรุนแรง จำเป็นต้องรักษาในโรงพยาบาลเพื่อพ่นยา ดูดเสมหะ และให้สารน้ำทางหลอดเลือด เป็นต้น
อะดีโนไวรัส
เชื้อไวรัสอะดีโน (adenovirus) ทําให้เกิดอาการผิดปกติของร่างกายได้หลายระบบ ทั้งในระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร ตา และยังอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ หัวใจ และระบบประสาท เชื้อนี้มีการติดต่อโดยการสัมผัสกับสิ่งคัดหลั่งของทางเดินหายใจหรืออุจจาระที่มีเชื้ออยู่ หรือการสัมผัสกับสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ
อาการของการติดเชื้ออะดีโนไวรัสในทางเดินหายใจอาจทำให้เกิดอาการได้หลายแบบ เช่น อาการเหมือนไข้หวัด เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต หลอดลมอักเสบ และปอดอักเสบ ส่วนการติดเชื้อที่ตา มีอาการตาแดง ระคายเคืองตา กลัวแสง เยื่อบุตาและหนังตาบวม การติดเชื้อที่ทางเดินอาหาร ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารและลําไส้อักเสบ
การรักษาโรคติดเชื้ออะดีโนไวรัสส่วนใหญ่เป็นการใช้ยาตามอาการ ผู้ที่แข็งแรงดีมักหายได้เอง แต่ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจจำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัส
หากมีอาการรุนแรง หายใจลำบาก หอบเหนื่อย ปอดบวมหรือมีภาวะซึม ควรไปพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ทารก เด็กเล็ก ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
วิธีดูแลตนเองเมื่อสงสัยว่าติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ
หากสงสัยว่ามีการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ เช่น มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ควรสวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้อื่น หลีกเลี่ยงการใช้ของส่วนตัวร่วมกัน และสามารถใช้ชุดตรวจ self test เพื่อคัดกรองภาวะติดเชื้อเบื้องต้น เพื่อให้การดูแลรักษาโรคได้อย่างทันท่วงที ลดความเสี่ยงอาการแทรกซ้อน และป้องกันการแพร่เชื้อในครอบครัวและคนใกล้ชิด
บริษัท กรุงเทพดรักสโตร์ จำกัด
2585/2 ถนนลาดพร้าว(ใกล้ปากซอยลาดพร้าว 87)แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310
โทร: (02)538-7900 แฟกซ์: (02)538-5508
E-mail: bangkokdrugstore@yahoo.com
[คลิกที่ภาพเพื่อดูแผนที่ขนาดใหญ่]