Call Center: (02)538-2229
 สำนักงาน: (02)538-7900
 Fax: (02)538-5508
 E-mail: bangkokdrugstore@yahoo.com

วิตามินในแต่ละช่วงวัย


ผู้เขียน : Shopaga.kวันที่ : 30/11/2025หมวด : การดูแลสุขภาพ

     บุคคลแต่ละช่วงวัยมีสภาพร่างกาย กิจกรรมที่ทำ พฤติกรรมการรับประทานอาหาร และการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน ความจำเป็นในการต้องการวิตามินและแร่ธาตุเสริมจึงมีความแตกต่างกัน 

เบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) ได้แก่ ผู้ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2489–2507 หรือผู้ที่มีอายุในช่วง 61-79 ปี

     เจเนอเรชันนี้ได้แก่วัยเกษียณหรือวัยสูงอายุ เป็นช่วงวัยที่ร่างกายเริ่มมีการเสื่อมถอย ปัญหาสุขภาพที่ควรใส่ใจ ได้แก่ ความแข็งแรงของกระดูก และระบบหัวใจและหลอดเลือด 

อาหารเสริมที่แนะนำสำหรับวัยเบบี้บูมเมอร์ เช่น  

1. แคลเซียม + วิตามิน D + วิตามิน K2 

เนื่องจากวัยนี้สามารถพบภาวะกระดูกบางและกระดูกพรุน จากการซ่อมสร้างกระดูกที่ลดลงตามวัย การเสริมสารอาหารที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกจะช่วยลดความเสี่ยงกระดูกเปราะแตกหักได้ โดยปริมาณที่แนะนำ ได้แก่ 

แคลเซียม 1000 มิลลิกรัม, วิตามิน D 600 ไอยู และวิตามิน K 60 ไมโครกรัม

2. โอเมก้า-3 ที่เน้นปริมาณ EPA

     EPA (Eicosapentaenoic acid) เป็นกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า-3 ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ และมีการศึกษาว่าช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ บรรเทาอาการของโรคข้อเสื่อม และยังช่วยชะลอการดำเนินของโรคของภาวะจอตาเสื่อมจากอายุได้

     สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NIH) แนะนำให้บริโภคกรดไขมันโอเมก้า-3 วันละ 1.1–1.6 กรัม ในขณะที่ สมาคมหัวใจอเมริกัน (AHA) แนะนำให้รับประทานปลาสัปดาห์ละ 2 มื้อ (ประมาณ 3–4 ออนซ์ต่อมื้อ) เพื่อให้ได้รับโอเมก้า-3 ในปริมาณที่เพียงพอต่อสุขภาพหัวใจ

Generation X ได้แก่ ผู้ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ.2508-2522 หรือผู้ที่มีอายุประมาณ 45–60 ปี 

ผู้ที่อยู่ในวัยนี้มักเผชิญความเครียดทั้งจากภาระงานที่มากขึ้นและความรับผิดชอบในการดูแลสมาชิกในครอบครัว ทั้งการดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่เริ่มเข้าสู่วัยชราและลูก ๆ ที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นซึ่งต้องการการเอาใจใส่มากขึ้น

อาหารเสริมที่เหมาะสมสำหรับวัยนี้จึงควรเน้นสารที่ช่วยในการจัดการความเครียดและลดสารอนุมูลอิสระ ได้แก่ 

1. แมกนีเซียม

แมกนีเซียม เป็นแร่ธาตุที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกายหลายระบบ ไม่ว่าจะเป็น สุขภาพกระดูก ระบบหัวใจและหลอดเลือด การควบคุมน้ำตาลในเลือด รวมถึงกระบวนการทำงานต่าง ๆ ในร่างกายอีกมากมาย นอกจากนี้ยังพบว่า ระดับแมกนีเซียมที่ต่ำยังเกี่ยวข้องกับความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นด้วย ปริมาณแมกนีเซียมที่แนะนำ คือ 350 มิลลิกรัมต่อวัน

2. แอสต้าแซนธิน

แอสต้าแซนธิน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์มากกว่าสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ เช่น วิตามินซี วิตามินอี และเบต้าแคโรทีน นอกจากนี้ ข้อมูลจำนวนมากยังแสดงให้เห็นว่าแอสต้าแซนธิน มีส่วนสำคัญในการต่อต้านการแก่ชราของเซลล์ ลดการอักเสบ และอาจมีส่วนในการต่อต้านมะเร็ง ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน โรคระบบประสาทเสื่อม และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ขนาดของแอสต้าแซนธินที่แนะนำ คือ 6 มิลลิกรัมต่อวัน

Generation Y หรือ Millennials ได้แก่ ผู้ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2523–2540 หรือผู้ที่มีอายุประมาณ 28–44 ปี 

ลักษณะเด่นของผู้ที่อยู่ใน gen นี้มักเริ่มเป็นหัวหน้าระดับต้น มีภาระความรับผิดชอบมากขึ้น ต้องรับมือกับความเครียด ขณะเดียวกันก็มักรับประทานอาหารฟาส์ตฟู้ดซึ่งให้ความสะดวก วัยนี้จึงควรเน้นการทำงานของระบบประสาทและสมองไปพร้อม ๆ กับการดูแลสุขภาพของระบบทางเดินอาหาร

อาหารเสริมที่เหมาะสม 

1. วิตามินบีรวม (B-complex) 

เพื่อเพิ่มพลังงาน ลดความอ่อนล้า เสริมระบบประสาท สามารถเสริมในรูปวิตามินบีรวมแบบต่าง ๆ

2. โพรไบโอติกส์

โพรไบโอติกส์ (Probiotics) คือจุลินทรีย์ที่มีชีวิตซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบทางเดินอาหาร ช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยในการย่อยอาหาร และช่วยในการสังเคราะห์วิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น วิตามินบีและวิตามินเค แหล่งโพรไบโอติกส์ ได้แก่ อาหารหมักดอง เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว กิมจิ หรือมิโสะ หรืออาจเลือกรับประทานในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารก็ได้  

Generation Z ได้แก่ ผู้ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2541-2565 หรือผู้ที่มีอายุประมาณ 13–28 ปี 

วัยนี้เป็นวัยที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเรียนรู้ทั้งจากภายในห้องเรียนและการหาประสบการณ์นอกห้องเรียน มีการใช้สายตาอย่างหนัก มีการศึกษาความสัมพันธ์ของระบบสายตาและสมอง (eye-brain axis) พบว่าการมองเห็นที่ดีมีความสัมพันธ์ส่งผลต่อการเรียนรู้ที่ดีด้วย สารอาหารที่เหมาะสมสำหรับวัยนี้จึงควรเป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา และมีส่วนเสริมสร้างการทำงานของสมอง เช่น

  1. DHA มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบประสาทและสมอง ทำให้มีความจำที่ดีและมีพัฒนาการด้านการเรียนรู้ ช่วยบำรุงสมองและรักษาสุขภาพดวงตา และมีข้อมูลว่า DHA ที่เพียงพอมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาท อาจช่วยป้องกันโรคทางระบบประสาทและสุขภาพทางจิต ขนาดที่แนะนำ DHA อย่างน้อย 250 มิลลิกรัมต่อวัน 

  2. ลูทีน (Lutein) และซีแซนทิน (Zeaxanthin) เป็นสารที่ช่วยป้องกันดวงตาจากแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์และจอคอมพิวเตอร์ ช่วยลดอาการตาแห้งจากการมองจอนาน ๆ 

คำแนะนำข้างต้น เป็นคำแนะนำเบื้องต้นเท่านั้น สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม สิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพ คือ การรักษาสมดุล ทั้งในด้านอาหารที่ควรรับประทานให้มีความหลากหลาย การออกกำลังกาย การพักผ่อน และการดูแลอารมณ์ให้แจ่มใส  

พิเศษ CODE ส่งฟรี ไม่มีขั้นต่ำ เพียงกรอก VITAMIN ในหน้าตะกร้าสินค้า


บริษัท กรุงเทพดรักสโตร์ จำกัด
2585/2 ถนนลาดพร้าว(ใกล้ปากซอยลาดพร้าว 87)แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310
โทร: (02)538-7900 แฟกซ์: (02)538-5508
E-mail: bangkokdrugstore@yahoo.com

[คลิกที่ภาพเพื่อดูแผนที่ขนาดใหญ่]